ระดับความหลากหลาย
ที่มา : http://www.krusarawut.net
ความหลากหลายทางชีวภาพ หมายถึง
การมีชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดมาอยู่ร่วมกัน
ณ
สถานที่หนึ่งหรือระบบนิเวศใดระบบนิเวศหนึ่ง
ความหลากหลายทางชีวภาพแบ่งได้
3 ระดับดังนี้
1.ความหลากหลายทางพันธุกรรม(geneticdiversity)
ได้แกjความหลากหลายขององค์ประกอบทางพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิตซึ่งแสดงออกด้วยลักษณะทางพันธุกรรมต่างๆที่ปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปทั้งภายในสิ่งมีชีวิตชนเดียวกันและระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันระดับความแตกต่างนี่เองที่ใช้กำหนดความใกล้ชิดหรือความห่างของสิ่งมีชีวิตในสายวิวัฒนาการจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่างชนิดต่างกลุ่มหรือต่างอาณาจักรกันตามลำดับ นักชีววิทยามีเทคนิคการวัดความหลากหลายทางพันธุกรรมหลายวิธี
แต่ทุกวิธีอาศัยความแตกต่างขององค์ประกอบทางพันธุกรรมเป็นดัชนีในการวัด
หากสิ่งมีชีวิตชนิดใดมีองค์ประกอบทางพันธุกรรมเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดย่อมแสดงว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นไม่มีความหลากหลายทางพันธุกรรม
2.ความหลากหลายของชนิดหรือชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
(Species
diversity) ความหลากหลายแบบนี้วัดได้จากจำนวนชนิดของสิ่งมีชีวิตและจำนวนประชากรของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดรวมทั้งโครงสร้างอายุและเพศของประชากรด้วย
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่วิวัฒนาการอยู่บนโลกนี้ในปัจจุบันมีจำนวนชนิดอยู่ระหว่าง 2-30 ล้านชนิด
โดยที่มีบันทึกอย่างเป็นทางการแล้วประมาณ 1.4 ล้านชนิด
แบ่งออกเป็น 5อาณาจักร ดังนี้คือ
อาณาจักรมอเนอรา (Kingdom Mornera)
อาณาจักรโพรติสตา (Kingdom
Protista)
อาณาจักรพืช (Kingdom
Plantae)
อาณาจักรเห็ดรา (Kingdom
Fungi)
อาณาจักรสัตว์
(Kingdom Animalia)
3.ความหลากหลายของระบบนิเวศหรือแหล่งที่อยู่อาศัย
(Ecological system diversity หรือ Habitat
diversity) คือความซับซ้อนของลักษณะพื้นที่ที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคของโลก
เมื่อประกอบกับสภาพภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิประเทศทำให้เกิดระบบนิเวศหรือถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน
การที่สามารถพบสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในแต่ละพื้นที่ได้โดยผ่านการคัดเลือกตามธรรมชาติตามกระบวนการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตความหลากหลายทางนิเวศวิทยา
ประกอบด้วยความหลากหลาย 3 ประเด็น คือ
ก) ความหลากหลายของถิ่นตามธรรมชาติ ( habitat
diversity) ในแต่ละบริเวณที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันไป
บริเวณใดที่มีความหลากหลายของแหล่งที่อยู่อาศัย ที่นั่นจะมีชนิดของสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายไปด้วยเช่นกัน
ข) ความหลากหลายของการทดแทน (Successional
diversity) เมื่อสิ่งมีชีวิตเริ่มพัฒนาขึ้นในพื้นที่ที่ไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตขึ้นมาก่อนและพัฒนาขึ้นเป็นชุมชนสิ่งมีชีวิต
สมบูรณ์ ( climax stage) เมื่อเกิดการรบกวนหรือการทำลายระบบนิเวศลงไป
เช่น พายุ ไฟป่า การตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ
ก็จะทำให้ระบบนิเวศเกิดการเสียหายหรือถูกทำลายแต่ธรรมชาติจะมีการทดแทนทางนิเวศ ( ecological
succession) ของสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมาแทนที่ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัย
ที่เอื้อต่อ การดำรงชีวิต เช่น อาหาร น้ำ แสง ความชื้น อุณหภูมิ ฯลฯ เปลี่ยนไป
การทดแทนสังคมที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้เรียกว่าการทดแทนลำดับสอง ( secondary
succession)
ค) ความหลากหลายของภูมิประเทศ/ภูมิทัศน์
(Landscape
diversity) พื้นผิวโลกจะประกอบด้วยภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกัน
หากแบ่งตามลักษณะภูมิอากาศสามารถแบ่งได้เป็น 4 เขตใหญ่ๆคือ
1. เขตร้อนชื้นแถบศูนย์สูตร
หรือเขตร้อน (Tropical Zone) เป็นเขตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ
เช่นป่าอะเมซอน ประเทศบราซิล
เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์สูงมาก
2. เขตอบอุ่น ( Temperate
Zone ) เป็นเขตที่พบความหลากหลายทางชีวภาพ รองลงมาจากเขตร้อน
3. เขตหนาวแบบทรุนดา (Tundra
Zone) เป็นบริเวณที่มีความหลากหลายทางชีวภาพน้อยมาก